พ่อฆ่าลูกสาว – วันที่ 8 ก.ค. เว็บไซต์ kyodonews รายงานเหตุสะเทือนขวัญชาวญี่ปุ่น ตำรวจพบศพอิบุกิ คิซู นักศึกษาหญิงวัย 18 ปีถูกยัดตู้เย็นในร้านขายขนม โตเกียว ซึ่งพ่อของเธอเป็นเจ้าของ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ตามร่างกายพบเพียงบาดแผลบริเวณคอในลักษณะถูกกดรัด
ส่วนผู้เป็นพ่อ ฮิเดกิ คิซู อายุ 43 ปี ได้โทรบอกกับสมาชิกในครอบครัวเมื่อวันเสาร์ว่าเขาแทงลูกสาวตายที่ร้าน และจะกระโดดแม่น้ำฆ่าตัวตายตาม ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพบนายฮิเดกิแขวนคอตายใกล้กับแม่น้ำในเมืองไซตามะ ทางตอนเหนือของโตเกียว
นายฮิเดกิออกจากบ้านไปทำงานตอนเช้าวันเสาร์ ขณะที่อิบุกิซึ่งอาศัยอยู่กับพ่อแม่และน้องชายของเธอออกจากบ้านไปทำงานพาร์ทไทม์ในตอนเช้า แต่ก็เธอก็ไม่มีโอกาสกลับมาที่บ้านอีกเลย
เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของแฟนนางงามหลายๆ คนเป็นอย่างมาก หลัง คามิล ชรีเยร์ (Camille Schrier) ผู้เข้าประกวดมิสเวอร์จิเนีย ได้แสดงการทดลองทางวิทยศาสตร์บนเวทีรอบแสดงความสามารถ โดยใช้การสลายตัวเร่งปฏิกิริยาของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และใส่น้ำยาล้างจานใส่ในบีกเกอร์ อัดแก๊สออกซิเจนใส่ภายในจนกลายเป็นโฟมหลากสีสันระเบิดพุ่งขึ้นมา สร้างความประทับใจให้ผู้ชมและคณะกรรมการอย่างมาก และทำให้เธอคว้ามงกุฎไปในที่สุด
คามิล มีดีกรี ปริญญาด้านวิทยาศาสตร์ 2 ใบ และกำลังศึกษาปริญญาเอกด้านเภสัชศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยริชมอนด์ คอมมอนเวลธ์ มหาวิทยาลัยวิจัยในรัฐเวอร์จิเนีย และจะนำเงินรางวัลที่ได้รับจำนวน 22,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 680,000 บาท ไปเป็นทุนการศึกษา
การทดลองทางวิทยาศาสตร์เช่นนี้ถือเป็นการฉีกกฎการแสดงความสามารถบนเวทีนางงามแบบเดิมๆ โดยสิ้นเชิงโดยคามิลเผยว่า เธอต้องการทลายกำแพงการประกวดนางงามแบบเดิม ๆ ที่ผู้คนมักจะเหมารวมมองว่าเป็นเช่นนั้น
“ฉันต้องการแสดงตัวตนของฉันในฐานะสาวนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งมันเป็นความท้าทายมาก ในการแสดงให้ผู้คนเห็นว่า วิทยาศาสตร์ก็เป็นความสามารถพิเศษได้ จึงต้องคิดอะไรที่มันสนุก ๆ เพราะผู้คนมักจะมีความคิดว่า วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ”
นอกจากนี้ เธอยังเผยว่าเธอได้ทำให้เวทีนางงามเป็นมากกว่าแค่การประกวดความงาม หรือการตัดสินจากรูปลักษณ์เรือนร่างภายนอก แต่ความสามารถและสมองก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงสวยได้เช่นเดียวกัน และเธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เธอจะกลายเป็นแบบอย่างให้กับเด็กรุ่นใหม่ ทำให้เด็ก ๆ สนใจในเรื่องของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น
เธอบอกว่า วิทยาศาสตร์นั้นไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อเลยสำหรับเด็กเนิร์ดในห้อง และเธอต้องการส่งเสริมให้คนเหล่านี้มีความคิด มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนความเป็นตัวเอง เพื่อไปอยู่ในกรอบหรือรูปแบบ ‘ความสวย’ ที่ถูกจำกัดเอาไว้
รีวิว: Spider-Man: Far From Home หนังปิดเฟสที่ลงตัวที่สุด ครบทุกมิติ พร้อมทิ้งคำถามมากมาย
Spider-Man: Far From Home คือหนังปิดเฟส 3 อย่างเป็นทางการของ MCU และหลังจากที่ได้มีโอกาศเข้าไปดูก็ต้องบอกเลยว่า Far From Home เป็นการปิดเฟสที่ดีมาก เพราะหลังจากที่เรายังเศร้าโศกอยู่กับการจากไปของบุรุษเหล็ก Iron Man โทนี่ สตาร์คหลังจบ Avengers: Endgame สไปดี้ก็มาทำให้เรายิ้มได้อีกครั้ง
เปิดฉากด้วย I will always love you ของ Whitney Houston ต้องบอกเลยว่า Far From Home เป็นหนังที่ลงตัวมาก ทั้งในเรื่องของการวางบท ตัวละครที่ลงตัว และการแบ่งพาร์ทของเนื้อเรื่องที่จัดได้ว่า พอดีเป๊ะ ตัวหนังอธิบายได้จัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นหลังการดีดนิ้วของ ธานอส ทำให้เราได้รู้ว่า คนที่ไม่ถูกดีดนิ้วหายไปนั้น แก่ขึ้นห้าปี จากคนที่เคยเป็นน้อง กลับกลายเป็นพี่ เพราะอายุที่มากกว่า. การตัดสลับฉากต่อสู้ ฉากฮา เศร้า และอื่นๆทำได้ดี ไม่มีช่วงน่าเบื่อเลย
แน่นอน หนังสไปเดอร์แมน ก็ต้องเล่าเรื่องสไปเดอร์แมน แต่เป็นการเล่าที่ได้อรรถรสมาก ทั้งฮา เศร้า น่ารักโรแมนติก แอ็คชั่นมันกระจาย ครบทุกมิติ. หนังเล่าเรื่องความสับสนที่เกิดขึ้นภายในใจของปีเตอร์ ที่ใจหนึ่งก็อยากพักผ่อนไปกับเพื่อนๆและหวังจะได้ไกล้ชิดกับคนที่แอบชอบอย่าง MJ แต่อีกใจหนึ่งก็ห่วงเรื่องของความรับผิดชอบในหน้าที่ซุปเปอร์ฮีโร่ และสถานการณ์ที่บีบให้ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกอะไร ซึ่งถือว่าเป็นพล็อตที่ค่อนข้างคลาสสิคของสไปเดอร์แมนเลยก็ว่าได้ “พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับภาระอันใหญ่ยิ่ง” Tom Holland ตีบทได้แตกมาก บางฉากนี่แอบมีน้ำตาคลอเลยและ
ตัวละครฝั่งเพื่อนๆของสไปดี้ก็ยังคงมีความน่ารักสดในตามแบบวัยรุ่น เนท เพื่อนอ้วนคนสนิทของสไปดี้ก็ยังคงเป็นห่วงเพื่อนอยู่ ถึงแม้ว่าภาคนี้นางจะมีแฟนและไม่ค่อยมีเวลาให้สไปดี้มากเหมือนเดิมก็ตาม แฟลช ก็ยังคงเป็นคนเดิม กวนส้นไปตามสถานการณ์ ส่วนของตัวละคร MJ ภาคนี้มีความน่ารักสดใสมากขึ้น ตากจากภาคแรง ที่ดูขรึมๆและเข้าถึงยาก เพราะนางไม่ได้เป็นนางเองจริงๆในภาคแรก
พาร์ทของตัวร้ายนั้นค่อนข้างห้วนไปหน่อย เพราะอยู่ๆก็โผล่มา แล้วก็รู้ก่อนด้วยว่าจะโผล่มา สู้แปบเดียวก็ตาย เพราะเป็นเพียงภาพลวงตา ซึ่งเรารู้กันอยู่แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังก็คือพี่หัวโหลปลาทอง Mysterio นั่นแหละ.
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง